21.00 น.           พร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ส่วนผู้โดยสารระหว่างประเทศ ขาออก ประตู 3 เคาน์เตอร์ D โดย สายการบินไทย  เจ้าหน้าที่ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านเอกสารก่อนขึ้นเครื่อง

23.45 น.           เหินฟ้าสู่ ประเทศญี่ปุ่น โดยสายการบินไทย แอร์เวย์ THAI AIRWAYS (TG) เที่ยวบินที่ TG 670 (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง / เวลาท้องถิ่นจะเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง)

08.30 น.           เดินทางถึง สนามบินชิโตเซ่ ประเทศญี่ปุ่น หลังจากผ่านขั้นตอนศุลกากรเรียบร้อยแล้ว

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ “เมืองโนโบริเบ็ทสึ” ชม “หุบเขานรก จิโกกุดานิ (NOBORIBETSU JIGOKUDANI)” ทุกท่านจะได้เห็นบ่อนรกที่มีควันพวยพุ่งออกมา เกิดจากพลังงานความร้อนตามใต้พิภพให้ท่านได้เก็บภาพความงดงามจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ยังคงอยู่ชั่วกัปกัลป์ จากนั้นนำทุกท่านชมวิวทิวทัศน์ของ “ภูเขาโชวะชินซัง (MT.SHOWA)” ภูเขาไฟน้องใหม่ที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของผิวโลกในปี 1946 ซึ่งระเบิดปะทุติดต่อกันนานถึง 2 ปี จนกลายมาเป็นภูเขาโชวะดังที่เห็นอยู่ ปัจจุบันภูเขาโชวะอยู่ในการดูแลของรัฐบาลญี่ปุ่น ในฐานะเป็นอนุสรณ์ทางธรรมชาติแห่งพิเศษ ให้ท่านเลือกซื้อ ขนม ของฝากท้องถิ่น ณ จุดบริการแห่งนี้ตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่าน “ขึ้นกระเช้าเม้าท์ฮาโกดาเตะ (HAKODATE ROPEWAY)” ที่มีความสูง 334 เมตร ให้ท่านชมวิวและทัศนียภาพอันงดงามของตัวเมืองฮาโกดาเตะที่เปิดไฟระยิบระยับ โดยมีอ่าวและท่าเรือฮาโกดาเตะขนาบทั้งสองด้าน เป็นสถานที่ที่มีความสวยงามในยามค่ำคืนสวยที่สุดในญี่ปุ่น และสวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

จากนั้นนำท่านสู่ “เนินชมวิวฮาจิมันซากะ (HACHIMAN-ZAKA SLOPE)” จะเป็นเนินเขาที่ลาดตัวลงไปจนถึงทะเลที่ด้านล่าง ซึ่งหากยืนจากที่จุดนี้จะเป็นแนวต้นไม้สองข้างทางยาวตลอดแนว และเบื้องหน้าจะเป็นวิวของท่าเรือฮาโกดาเตะ ท้องทะเลและภูเขาที่อยู่ทางฝั่งตรงข้ามนั่นเอง เนื่องจากวิวทิวทัศน์ที่สวยงามจึงทำให้เป็นหนึ่งในจุดที่นิยมใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์และโฆษณาต่างๆ ในหน้าร้อนนั้นต้นไม้จะเป็นสีเขียวสด แต่ในฤดูหนาวช่วงที่หิมะตก จะมีการประดับไฟไว้ตามต้นไม้ เป็นจุดชมเทศกาล Hakodate Light Up

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร บริการท่านด้วย ชาบูชาบูหมูสไตล์ญี่ปุ่น ผักสดพร้อมด้วยเครื่องเคียงที่สั่งเติมได้ไม่อั้น

พักที่ HAKODATE KOKUSAI HOTEL หรือเทียบเท่า

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ “ตลาดเช้าฮาโกดาเตะ (MORNING MARKET)” ตลาดขายอาหารทะเลสดยามเช้า ตลาดนี้จะคึกคักในช่วงเวลา ตี5-เที่ยงและอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฮาโกดาเตะ ตลาดนี้ประกอบด้วยร้านอาหารและร้านค้าที่จำหน่ายอาหารทะเลและผักรวมกว่า 300 ร้าน สัมผัสบรรยกาศตลาดสด และ ตลาดปลาแบบญี่ปุ่นที่นำของสดไม่ว่าจะเป็น ปลาหมึก หอยเม่น ปูอลาสก้า ปลาชนิด ต่างๆ

แล้วนำท่านเดินทางสู่ “ป้อมปราการโกเรียวคาคุ (GORYOKAKU)” ปราการแห่งนี้สร้างโดยโชกุนโทกุกาวะอิเอซาดะ รูปแบบของปราการสร้างแบบฝรั่งเศส จึงทำให้ปราการแห่งนี้มีลักษณะเด่นและแตกต่างไปจากป้อมปราการอื่นๆในญี่ปุ่น ที่นี่ถูกสร้างขึ้นในสมัยเอโดะตอนปลายซึ่งป้อมปราการแห่งนี้ถูกใช้เป็นที่ป้องกันการรุกรานจากพวกมหาอำนาจ แล้วนำท่านขึ้นอาคารด้านบน (Goryokaku Tower) เพื่อชมความสวยงามจากมุมสูงของป้อมปราการโกเรียวคาคุ ซึ่งปรากฏเป็นภาพป้อมดาวกระจายห้าแฉกที่ปกคลุมด้วยหิมะสีขาวในฤดูหนาว และเต็มไปด้วยดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ

จากนั้นนำท่านสู่ “ท่าเรือและโกดังอิฐแดง (KANEMORI RED BRICK WAREHOUSE)” เมืองฮาโกดาเตะ สร้างตามแบบตะวันตกด้วยอิฐแดง แต่เดิมที่แห่งนี้เป็นโกดังของพ่อค้าผู้มั่งคั่งที่สร้างเอาไว้เก็บสินค้าจากท่าเรือฮาโกดาเตะ แต่ปัจจุบันโกดังจำนวน 5 หลังถูกดัดแปลงให้กลายเป็นร้านค้าของที่ระลึก ร้านอาหาร โรงเบียร์ และอื่นๆ ด้านที่หันออกทะเลจะเขียนป้ายตัวโตๆ ว่า BAY จัดเป็นย่านช้อปปิ้ง ที่ตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม น่าเดินเล่นชิลล์ๆ จะนั่งกินกาแฟหรือทานอาหารก็มีหลายร้านให้เลือก พื้นที่ด้านหลังโกดังอิฐแดงโดยรอบถูกดัดแปลงให้กลาย เป็นแหล่งช้อปปิ้งในชื่อ Hakodate Factory ที่มีทั้งร้านทำเครื่องแก้ว กล่องดนตรี ร้านอาหาร โรงเบียร์ ร้านขนมหวาน ร้านขายของที่ระลึก และ อื่นๆ อีกมากมาย

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านสู่ “ทะเลสาบโทยะ (LAKE TOYA)” เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของญี่ปุ่นโดยมีเส้นรอบวงยาวถึง 43  กิโลเมตร เป็นทะเลสาบปล่องภูเขาไฟ ในอุทยานแห่งชาติชิกตสึ-โทยะ บนเกาะฮอกไกโด ทะเลสาบมีลักษณะคล้ายไข่ดาว ตรงกลางทะเลสาบมีเกาะตั้งอยู่คือเกาะนากาโนะ นับเป็นจุดชมวิวที่สวยสบายตาที่ไม่ควรพลาด

จากนั้นนำท่านชม “เทศกาลดอกไม้ไฟครั้งที่ 43 (THE 43TH LAKE TOYA RUN FIREWORKS ) ” การแสดงดอกไม้ไฟทะเลสาบโทยะ เป็นอีกเทศกาลหนึ่งที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน จนปัจจุบันเข้าสู่ปีที่ 43 ในการจัดเทศกาลชมดอกไม้ไฟที่สุดตระการตา ความสวยงามถูกจุดขึ้นบริเวณกลางทะเลสาบ ทำให้เกิดภาคความประทับใจอันสวยงาม

พักที่  LAKE TOYA MANSEIKAKU HOTEL หรือเทียบเท่า

รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม

พิเศษ! ณ โรงแรมที่พักแห่งนี้ ท่านจะได้สัมผัสกับการอาบน้ำแร่ หรือ เรียกอีกอย่างว่าออนเซ็น เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้า การอาบน้ำแร่ จะทำให้ เลือดลมดี, ผิวพรรณสดใส, สุขภาพดี, ผ่อนคลายความเมื่อยล้า และยังช่วยในระบบการเผาผลาญของร่างกายอีกด้วย

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่านชม “เนินพระพุทธเจ้า (HILL OF BUDDHA)” ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองซัปโปโร ถือว่าเป็นผลงานการสร้างชิ้นเอกอีกชิ้นหนึ่งของทาดาโอะ อันโดะ สถาปนิกชาวญี่ปุ่น มีลักษณะเป็นเนินเขาล้อมรอบรูปปั้นพระพุทธรูปมีความสูงมากถึง 13.5 เมตรและมีน้ำหนัก 1500 ตัน บริเวณรอบๆรายล้อมด้วยธรรมชาติอันงดงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนที่จะสามารถเห็นต้นลาเวนเดอร์ล้อมรอบรูปปั้นพระพุทธรูป ซึ่งเป็นการผสมผสานที่ลง สร้างไว้เพื่อเป็นพุทธศิลป์ให้คนรุ่นต่อๆไป เพื่อสักการบูชา

จากนั้นนำท่านสู่ “ห้างมิตซุย เอ้าท์เล็ต (MITSUI OUTLET)” ศูนย์รวมสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังจากทั่วโลก อาทิเช่น Coach, Armani, Ralph Lauren, Seigo พร้อมด้วยสินค้าสำหรับทุกคนตั้งแต่สินค้าแฟชั่นหญิงชายและเด็ก จนถึงอุปกรณ์กีฬาและสินค้าทั่วไป นอกจากนี้ภายในห้างยังมีศูนย์อาหารขนาดใหญ่ภายในห้าง อิสระทั้งช้อป และ ชิมตามอัธยาศัย

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร เพื่อให้ท่านใช้เวลาอย่างคุ้มค่ารับเงินสดท่านละ 2,000 JPY

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ “เมืองโอตารุ” เพื่อนำท่านสู่ “ถนนซาไกมาจิ (SAKAIMACHI STREET)” ย่านช้อปปิ้งสำคัญของเมืองตั้งอยู่ไม่ไกลจากคลองโอตารุ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “ร้านเครื่องแก้ว”, “พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี”  และ “นาฬิกาไอน้ำโบราณ” อีกทั้งตลอดสองข้างทางของถนนซาไกมาจิ ยังเต็มไปด้วยร้านค้าขายขนมแสนอร่อยนานาชนิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านชื่อดัง Le TAO มีให้ท่านได้ชิมลิ้มลอง หรือ ซื้อกลับกันมากมายหลายร้าน อีกทั้งยังมีของที่ระลึกและร้านอาหาร ร้านกาแฟ ให้ท่านเดินชมได้ตามอัธยาศัย บนถนนเส้นนี้เชื่อมต่อกับถนนสายสูชิ “Shushi Dori Otaru” เรียงรายด้วยร้าน ซูชิ ซาชิมิ ราเมง รวมถึงร้านที่อาหารซีฟู๊ดสดๆ

พาชม “คลองโอตารุ (OTARU CANAL)” ที่มีความยาว 1,140 เมตร และเชื่อมต่อกับอ่าวโอตารุ ซึ่งในสมัยก่อนประมาณ ค.ศ. 1920 ในยุคอุตสาหกรรมการขนส่งทางเรือเฟื่องฟู คลองแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นเส้นทางในการขนส่งสินค้า จากคลังสินค้าในตัวเมืองโอตารุ ออกไปยังท่าเรือบริเวณปากอ่าว ให้ท่านเดินเล่น พร้อมถ่ายรูปตามอัธยาศัย กับอาคารโกดังเก่าแก่ริมคลองสุดคลาสสิก และวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม  จากนั้นนำทุกท่านเดินทางสู่ “เมืองซัปโปโร” เพื่อช้อปปิ้งย่าน “ย่านซูซูกิโนะ” (SUSUKINO) ซึ่งเป็น แหล่งช้อปปิ้งสินค้า อุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ เสื้อผ้า รองเท้าแฟชั่นมากมาย และยังเป็นแหล่งรวมร้านอาหารมากมายนับพันเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวนักชิม อีกทั้งยังมีร้านรวงที่ขายราเม็งมากมายจนได้รับการขนานนามว่า ตรอกราเมง หรือ “ราเม็งโยะโคะโจ” ถนนแห่งร้านราเม็งใจกลางเมืองซัปโปโร

รับประทานอาหารค่ำแบบอิสระ เพื่อให้ท่านได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า (ไม่รวมค่าอาหาร)

@ เลือกซื้อเมนูเสริม : บุฟเฟ่ต์อิ่มไม่อั้น “สุดยอดอาหารทะเล ปูยักษ์ 3ชนิด” จ่ายเพิ่มท่านละ 2,500 บาท *** พิเศษ!!! กรณี 1-2ขวบ ฟรี // 3-11 ขวบ 1,300 บาท*** บริการด้วยอาหารทะเลนานาชนิด อาทิ สุดยอดอาหารทะเลของฮอกไกโด “ปู 3 อย่าง” ทั้ง ปูสุไว ปูขน และปูทาราบะ หอยเชลล์ หอยแมลงพู่ตัวโต กุ้งทะเล ให้ท่านได้ลิ้มลองรสชาติสดใหม่จากทะเล อีกทั้งยังมีเนื้อหมู เนื้อวัว ชั้นดี พร้อมผักสดๆ บริการแบบอิ่มไม่อั้น

พักที่ MERCURE HOTEL SAPPORO หรือเทียบเท่า

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่านมุ่งหน้าสู่ “เมืองบิเอะ” โดย "รถไฟขบวนพิเศษชื่อ โนโรโกะ (NOROKKO TRAIN)" รถไฟขบวนนี้ให้บริการระหว่างเมือง Asahikawa, Biei ไปสุดสายที่ Furano จะให้บริการเฉพาะหน้าร้อนช่วงที่ดอกลาเวนเดอร์บาน ที่พิเศษคือรถไฟขบวนนี้จะตกแต่งเลียนแบบรถไฟโบราณเป็นขบวน Open-air มีที่นั่งพิเศษเก้าอี้จะหันข้างออกชมวิวด้านข้างแนวภูเขาสวยงามมาก เมืองแห่งทุ่งดอกไม้อันงดงามและธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์

นำท่านเดินทางสู่ "โทมิตะฟาร์ม (TOMITA FARM)" ชมความงามของ ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ ไฮไลท์ ในฤดูร้อนของเกาะฮอกไกโด ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมากมายมาเที่ยวชม และถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอย่างเต็มอิ่มท่ามกลางดอกไม้หลากสีสัน ที่แข่งกันบานไม่เพียงแค่ทุ่งลาเวนเดอร์เท่านั้น ภายในสวนยังมีดอกไม้นานาชนิด และดอกไม้เรือนกระจก ต้อนรับผู้มาท่องเที่ยว รวมถึงผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และบำรุงผิวพรรณ ชั้นยอด ที่สกัดกลิ่นและสารอันเป็นประโยชน์จากดอกลาเวนเดอร์ (ความสวยงามของดอกไม้นานาชนิดขึ้นอยู่ช่วงเวลาและสภาพอากาศ)

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านสู่ “เนินสี่ฤดู (Shikisai no Oka)” เนินเขากว้างใหญ่ที่มีดอกไม้นานาพันธุ์นับ 30 ชนิดปลูกเรียงรายสลับสีกันเป็นแนวยาว ให้ท่านได้เดินลัดเลาะตามทุ่งถ่ายรูป และชมความงามของแห่งสีสันของดอกไม้ที่ไกลสุดลูกตา ระหว่างกลางเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ทางสวนจะทำการจัดสรรปลูกดอกไม้นานาชนิดสลับสีสันให้เห็นอย่างสวยงามชวนหลงใหล อาทิ เช่น Lavender, Lupinus, California poppy, Hime flower, Godetia, Salvia, Marigold, Celosia argentea, Spider flower, Phlox, Cosmos, Himawari, Kochia และอื่นๆอีกมากมายที่เวียนสลับกันแสดงความสวยงามให้ท่านได้เก็บภาพเป็นที่ระลึกและประทับใจ (ความสวยงามของดอกไม้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ)

จากนั้นพาท่านชม “บ่อน้ำสีฟ้า (BLUE POND)” บ่อน้ำสีฟ้าที่เกิดจากความบังเอิญที่เกิดจากการสร้างเขื่อนนเพื่อไม่ให้โคลนภูเขาไฟที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟ Tokachi เมื่อปี ค.ศ.1988 ไหลเข้าสู่เมือง โดยที่ก้นบ่อน้ำแห่งนี้จะมีแร่ธาตุที่เกิดจากโคลนภูเขาไฟทำให้มีสีฟ้าหรือเขียวมรกตสดใส และมีกิ่งไม้ที่โผล่ออกมาจากพื้นผิวน้ำ ทำให้มีความสวยแปลกตาไปอีกแบบ อีกทั้งสีของบ่อน้ำแห่งนี้จะมีความสวยงามแตกต่างไปตามแต่ละฤดูกาลอีกด้วย พาท่านและช้อปปิ้งก่อนกลับที่ย่าน “ทานูกิโคจิ (TANUKIKOJI)” ท่านจะได้เลือกซื้อสินค้ามากมาย อาทิเช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า นาฬิกา เกมส์ กล้องถ่ายรูป ของฝากของที่ระลึก เสื้อผ้า สินค้าแบรนด์เนม เครื่องสำอางค์ เป็นต้น

รับประทานอาหารค่ำแบบอิสระ เพื่อให้ท่านได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า (ไม่รวมค่าอาหาร)

พักที่ MERCURE HOTEL SAPPORO หรือเทียบเท่า

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม (กรุณาตรวจเช็คสิ่งของและสัมภาระให้เรียบร้อย)

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบินชิโตเซ่ เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับ

10.00 น.        เหินฟ้าสู่ ประเทศญี่ปุ่น โดยสายการบินไทย แอร์เวย์ THAI AIRWAYS (TG) เที่ยวบินที่ TG 671

15.00 น.        เดินทางถึงเมืองไทย พร้อมกับความประทับใจเต็มเปี่ยม